นาฏศิลป์ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี นาฏศิลป์เกาหลีเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในราวศตวรรษที่
3 นาฏศิลป์เกาหลีในสมัยโบราณใช้แสดงในพิธีทางศาสนา เพื่อบวงสรวงเทพยดาอารักษ์ จัดแสดงปีละ
2 ครั้ง คือ
ในเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นฤดูหว่าน
และในเดือนตุลาคมฤดูเก็บเกี่ยว วิวัฒนาการของนาฏศิลป์เกาหลีก็ทำนองเดียวกับของชาติอื่น
มักจะเริ่มและดัดแปลงให้เป็นระบำปลุกใจในสงคราม เพื่อให้กำลังใจแก่นักรบ หรือไม่ก็เป็นพิธีทางพุทธศาสนา
หรือเป็นการร้องรำทำเพลงในหมู่ชนชั้นกรรมาชีพ หรือแสดงเป็นหมู่ นาฏศิลป์ในราชสำนักก็มีมาแต่โบราณกาลเช่นเดียวกัน นาฏศิลป์เกาหลีสมบูรณ์ตามแบบฉบับทางการละครที่สุดและเป็นพิธีรีตอง
ได้แก่ ละครสวมหน้ากาก นาฏศิลป์เกาหลีสมัยใหม่ พัฒนามาจากนาฏศิลป์ที่ใช้ในพิธีเลี้ยงต้อนรับอาคันตุกะชั้นผู้ดีและมั่งคั่ง นาฏศิลป์เกาหลี
มีลีลาอันงดงามอ่อนช้อยอยู่ที่การเคลื่อนไหวไหล่และเอวเป็นส่วนสำคัญ ตามหลักทฤษฎีนาฎศิลป์เกาหลี
มี 2 แบบ คือ 1. แบบแสดงออกซึ่งความรื่นเริง
ความโอบอ้อมอารี และความอ่อนไหวของอารมณ์ 2. แบบพิธีการ ดัดแปลงมาจากวัฒนธรรมและประเพณีทางพุทธศาสนา จุดเด่นของนาฏศิลป์เกาหลี
มีลักษณะคล้ายนาฏศิลป์สเปน คือผู้แสดงเคลื่อนไหวทั้งส่วนบนและส่วนล่างของร่างกาย เป็นการผสมผสานระหว่างนาฏศิลป์ตะวันตกและนาฏศิลป์ตะวันออกเข้าด้วยกัน
ซึ่งนาฏศิลป์ตะวันตกเน้นหนักในการใช้ขาและร่างกายส่วนล่าง แต่นาฏศิลป์ตะวันออกจะใช้ส่วนไหล่
แขน และมือ โรงเรียนนาฏศิลป์เกาหลีสมัยปัจจุบัน
จะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ 1. โรงเรียนนาฏศิลป์แผนโบราณ ซึ่งไม่ยอมรับอิทธิพลอื่นใดนอกจากจะรักษาแบบฉบับเดิมไว้ 2. โรงเรียนนาฏศิลป์สมัยใหม่
จะรับเอาแบบอย่างของนาฏศิลป์ตะวันตกเข้ามารวมด้วย ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่าแบบโบราณ เป็นที่ยอมรับว่า
ยอดนิยมของนาฏศิลป์เกาหลีนั้น ได้แก่ นาฏศิลป์ของพระแสดงการต่อต้านศาสนา ผู้แสดงจะสวมเสื้อคลุมของพระ
ลีลาการร่ายรำนั้นงามน่าดูมาก แสดงออกซึ่งความต้องการของมนุษย์ นาฏศิลป์เกาหลีที่ควรรู้จัก
ได้แก่ 1. ละครสวมหน้ากาก เนื้อเรื่องมักคล้ายคลึงกัน ลีลาการแสดงนั้นนำเอานาฏศิลป์แบบต่างๆ
มาปะติดปะต่อกัน 2. ระบำแม่มดก็เป็นนาฏศิลป์อีกแบบหนึ่ง และการร้องรำทำเพลงประเภทลูกทุ่งนั้นก็มีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง 3. ระบำบวงสรวงในพิธีและระบำประกอบดนตรีที่ใช้ในพิธีเลี้ยงต้อนรับในราชสำนัก
ซึ่งประกอบด้วยบรรยากาศอันงดงามตระการตาน่าชมมาก 
|